วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดอกกุหลาบกับความหมายดีดี



กุหลาบสื่อความหมาย

           สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

          สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

          สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

          สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

          สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

          สีส้ม สื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย

          1 ดอก รักแรกพบ
          2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
          3 ดอก ฉันรักเธอ
          7 ดอก คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
          9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
          10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
          11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
          12 ดอก ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
          13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
          15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
          20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
          21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
          36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
          40 ดอก ความรักของฉันเป็นรักแท้
          99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
          100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
          101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
 ความหมายอื่น

           กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

           กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

           กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

           กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

           กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

           กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

          กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

          และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของดอกกุหลาบ

10 ไอเดียคนโสด วาเลนไทน์นี้ทำอะไรดีนะ

 แม้ว่าวันวาเลนไทน์จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ใครหลาย ๆ คนมักจะวางแผนชวนคู่รักไปทำอะไรดี ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ หรือการออกไปเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักกันอย่างหวานหยด แต่สำหรับคนโสดแล้ว ดูเหมือนเทศกาลวาเลนไทน์จะเป็นช่วงเวลาที่ทรมานคนโสดได้มากมายเหลือเกิน และมันก็ทำให้คนโสดเหงาได้ไม่น้อย เอ้า! ก็จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อไม่มีคู่หวานแหววให้ชวนออกไปไหนนี่นา แถมไปที่ไหนก็ยังเห็นภาพหนุ่มสาวเดินจูงมือกันให้บาดตาบาดใจเข้าอีก งานนี้ยิ่งเหงามากขึ้นกว่าเดิมไปเลยทีเดียว "วาเลนไทน์นี้เราจะทำอะไรดี?" ก็เลยกลายเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในความคิดของคนโสดในช่วงเวลาพิเศษแบบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้  ในเมื่อใจลึก ๆ ก็อยากจะมีเอี่ยวกับเค้าบ้างเหมือนกันนี่นา วันนี้ก็เลยมีไอเดียดี ๆ สำหรับคนโสดมาฝากกันค่ะ ไปดูว่าวาเลนไทน์นี้ หนุ่มสาวไร้คู่พอจะทำอะไรให้มันหายเซ็ง หายเหงากันได้บ้าง

1. ชวนเพื่อนคนโสดมาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่บ้าน
            ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้รู้สึกโรแมนติกเท่ากับไปกับคนรัก แต่จะเป็นไรไป หากคุณจะเปลี่ยนบรรยากาศช่วงเทศกาลแห่งความรักให้กลายเป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนาน ที่คุณได้เฮฮาปาร์ตี้กับก๊วนโสดของคุณกันอย่างสุดเหวี่ยง รับรองว่าคืนวันวาเลนไทน์จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่คุณไม่ได้ตั้งตัวเลยล่ะ
         
          2. ให้ของขวัญกับตัวเอง

           ด้วยการพาตัวเองไปทำอะไรดี ๆ แสดงความรักกับตัวเองเสียบ้าง เช่น การออกไปทำสปาผ่อนคลายร่างกาย ทำทรีทเม้นท์ผิว หรือทานอาหารที่มีประโยชน์กับสุขภาพของตัวเองสักมื้อ หรือแม้แต่ซื้อของขวัญดี ๆ ให้กับตัวเองสักชิ้น เอาแบบที่คุณอยากจะได้มันมานาน เช่น สร้อยคอเส้นเล็ก ๆ แหวนแนว ๆ สักวง หรือตุ๊กตาหมีตัวโต ๆ เป็นต้น
         
          3. ออกไปชอปปิ้งกับเพื่อนคนโสด
            ไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่ากับการที่คุณและเพื่อนคู่หูได้ไปเดินชอปปิ้ง ดูของสวย ๆ งาม ๆ ละลานตาอีกแล้ว ดังนั้นอย่ารอช้าเลย หากวันวาเลนไทน์นี้คุณว่างและไม่อยากอยู่กับตัวเองที่บ้าน ชวนเพื่อน ๆ ออกไปชอปปิ้งเลยค่ะ แม้ว่าคนข้างกายของเราจะเป็นเพื่อนก็ตามที แต่อย่างน้อยคุณก็สนุกสนานกับพวกเขาได้ไม่ใช่เหรอ เผลอ ๆ กลับสบายใจยิ่งกว่าคนมีคู่ซะอีก
         
          4. เติมความรักให้กับเด็กกำพร้าหรือคนชรา

           แม้ว่าการไปพูดคุยกับเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา จะเป็นการเอาสิ่งดี ๆ ไปแบ่งปันให้เพียงฝ่ายเดียวก็จริง แต่เชื่อหรือไม่ว่า การพูดคุยกับพวกเขาเหล่านั้นจะทำให้คุณได้รับความสุขทางใจกลับมาอย่างมากมาย เพราะคุณจะได้สัมผัสถึงรอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากการที่เราหยิบยื่นสิ่งดี ๆ และมิตรภาพให้กับพวกเขา ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เบ่งบานและมีความสุขมาก ๆ และสุดท้ายรอยยิ้มและความสุขของพวกเขานั่นแหละจะย้อนกลับมาสู่หัวใจของคุณ ให้คุณได้รู้สึกยิ่งใหญ่ที่ได้มอบสิ่งเล็ก ๆ แต่มีความหมายให้กับคนบางคนในวันวาเลนไทน์นี้แล้ว

          5. ค้นหางานแอนตี้วาเลนไทน์ หรืองานเลี้ยงคนโสด
            ไม่ว่าจะเป็นในผับเล็ก ๆ หรือร้านอาหารที่จัดกิจกรรมนี้ เสร็จแล้วเตรียมตัวไปฉลองกับคนโสดอีกหลายคนบนโลกใบนี้ เป็นการเปิดโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ และเผลอ ๆ คุณอาจจะถูกตาต้องใจกับคนโสดสักคนในปาร์ตี้ค่ำคืนนี้ จนทำให้คนโสดสองคนกลายเป็นคู่รักกันในที่สุดก็เป็นได้

          6. ออกไปถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ

           เทศกาลวาเลนไทน์นี้ หลาย ๆ ที่มักจะจัดซุ้มหรืองานวันแห่งความรักขึ้น และแน่นอนว่ามันเป็นโอกาสดีที่คุณจะหยิบกล้องถ่ายรูปคู่ใจออกไปถ่ายรูปกับฉากหวาน ๆ แม้ว่าจะไร้คู่อยู่ข้างกายก็ตาม แต่มันก็ไม่เลวไม่ใช่หรือ หากคุณจะได้รูปสวย ๆ จากฉากสวย ๆ ที่จัดขึ้นในเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้

          7. ชวนครอบครัวออกไปทานข้าวนอกบ้าน

           ไม่มีกฎข้อไหนบังคับว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันที่ต้องอยู่กับคู่รักนี่นา ดังนั้น ถ้าหากเราไม่มีความรักแบบคู่รักล่ะก็ จะดีแค่ไหนหากเรามองกลับมาที่บ้าน แล้วให้ความสำคัญกับคนที่อยู่เคียงข้างเรามาตลอดชีวิต และไม่เคยจากไปไหนอย่าง พ่อและแม่ และจะดีแค่ไหนถ้าเราถือโอกาสชวนท่านทั้งสองคนออกไปทานข้าวนอกบ้าน เติมความอบอุ่นให้กับครอบครัวอีกครั้ง

          8. เขียนการ์ดบอกรักพ่อกับแม่

           เป็นความจริงที่ว่าความสัมพันธ์คงเดิมและคนที่ "อยู่กับเราตลอดไป" นั้น มักจะถูกละเลยเสมอทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นเคียงข้างเรามาโดยตลอดและมีความรักให้เรามากกว่าคู่รักเสียอีก ดังนั้น สำหรับคนโสดในเทศกาลแห่งความรักนี้ ไม่มีอะไรต้องเหงาเลย เมื่อคุณไม่ต้องใช้เวลาคิดหาถ้อยคำสวยหรูที่บางครั้งก็เกินความจริงส่งถึงใครสักคนเหมือนกับคนมีคู่แล้ว ก็ลองมาเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงให้พ่อแม่ได้รับรู้ดูบ้าง ถือเป็นโอกาสอันดีเลยทีเดียวล่ะ เพราะนาน ๆ ทีคุณจะกล้าเปิดเผยความรู้สึกของคุณที่มีกับพ่อแม่อยู่แล้วนี่

          9. ใช้ชีวิตให้เป็นเหมือนวันธรรมดาวันหนึ่ง

           ในแต่ละวัน เราต้องพบเจอกับคู่รักเดินจูงมือกันไม่รู้กี่คู่เป็นปกติอยู่แล้ว อย่าให้ความคิดที่ว่า "วันนี้เป็นวันแห่งความรัก" เข้ามาตอกย้ำในความคิดคุณอยู่ซ้ำ ๆ เลยค่ะ เพราะมันจะทำให้เราตั้งคำถามฟุ้งซ่านต่าง ๆ นานา มากมาย เช่น ทำไมเราไม่มีคู่เหมือนคนอื่นบ้างนะ ทำไมไม่มีใครมาจีบเราบ้างนะ ทำไมเราต้องมานั่งเหงาด้วยนะ เป็นต้น และสุดท้ายเราก็จะเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวจากความคิดของตัวเอง หาใช่เหงาเพราะวันนี้เป็นวันแห่งความรักไม่ ดังนั้น หากคุณคิดว่าวันนี้เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง คุณก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เหมือนทุก ๆ วันเช่นกัน

          10. ดื่มนมอุ่น ๆ แล้วไปนอน
           ในตอนกลางคืน เป็นช่วงเวลาที่คนโสดจะเหงาที่สุดในวันวาเลนไทน์ จึงไม่แปลกที่ในคืนนี้ คนโสดหลายคนจะพบตัวเองนั่งกอดเข่าหรือนั่งเหม่ออยู่ในห้อง ไม่อยากจะไปไหนเลยสักที่ ดังนั้น ถ้าหากไม่อยากเหงา แต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะชวนเพื่อนร่วมก๊วนออกไปแฮงค์เอาท์นอกบ้าน และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้นอีก ทางออกที่ดีที่สุดก็คงเป็นการหลับตานอนแล้วล่ะค่ะ โดยเฉพาะคนฟุ้งซ่านที่ปล่อยให้คำว่า "วันแห่งความรัก" มาตอกย้ำตัวเองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิธีนี้จะทำให้คุณหยุดเหงาไปในทันที เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมามันก็กลายเป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่งไปแล้ว

          และนั่นก็คือไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับคนโสดที่นำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่ามันจะเป็นไอเดียดี ๆ ที่จะทำให้หนุ่มสาวคนโสดไม่ต้องนั่งเซ็งในวันแห่งความรักนี้นะคะ เอ.. ว่าแต่ว่า คนโสดที่กำลังนั่งอ่านอยู่ตอนนี้ล่ะ วาเลนไทน์นี้มีแพลนจะทำอะไรหรือไปที่ไหนกันบ้าง??

Valentine' Day

ตำนานของเซนต์วาเลนไทน์
The history of Valentine's Day--and the story of its patron saint--is shrouded in mystery. We do know that February has long been celebrated as a month of romance, and that St. Valentine's Day, as we know it today, contains vestiges of both Christian and ancient Roman tradition.  But who was Saint Valentine, and how did he become associated with this ancient rite? The Catholic Church recognizes at least three different saints named Valentine or Valentinus, all of whom were martyred.  Valentinus One legend contends that Valentine was a priest who served during the third century in Rome.  When Emperor Claudius II decided that single men made better soldiers than those with wives and families, he outlawed marriage for young men.  Claudius II  Valentine, realizing the injustice of the decree, defied Claudius and continued to perform marriages for young lovers in secret.  When Valentine's actions were discovered, Claudius ordered that he be put to death. Claudius Other stories suggest that Valentine may have been killed for attempting to help Christians escape harsh Roman prisons, where they were often beaten and tortured. According to one legend, an imprisoned Valentine actually sent the first "valentine" greeting himself after he fell in love with a young girl--possibly his jailor's daughter--who visited him during his confinement.  jailor Before his death, it is alleged that he wrote her a letter signed "From your Valentine," an expression that is still in use today. Although the truth behind the Valentine legends is murky, the stories all emphasize his appeal as a sympathetic, heroic and--most importantly--romantic figure.  By the Middle Ages , perhaps thanks to this reputation, Valentine would become one of the most popular saints in England and France.

Origins of Valentine's Day: A Pagan Festival in February Pagan
While some believe that Valentine's Day is celebrated in the middle of February to commemorate the anniversary of Valentine's death or burial--which probably occurred around AD 270--others claim that the Christian church may have decided to place St. Valentine's feast day in the middle of February in an effort to "Christianize" the pagan celebration of Lupercalia. Lupercalia Celebrated at the ides of February, or February 15, Lupercalia was a fertility festival dedicated to Faunus, the Roman god of agriculture, as well as to the Roman founders Romulus and Remus.  IDEs Lupercalia Faunus, Remus

To begin the festival, members of the Luperci, an order of Roman priests, would gather at a sacred cave where the infants Romulus and Remus, the founders of Rome, were believed to have been cared for by a she-wolf or lupa.  Luperci Romulus  Remus,  Lupa The priests would sacrifice a goat, for fertility, and a dog, for purification.  They would then strip the goat's hide into strips, dip them into the sacrificial blood and take to the streets, gently slapping both women and crop fields with the goat hide. Far from being fearful, Roman women welcomed the touch of the hides because it was believed to make them more fertile in the coming year.  Later in the day, according to legend, all the young women in the city would place their names in a big urn.  The city's bachelors would each choose a name and become paired for the year with his chosen woman. These matches often ended in marriage.

Valentine's Day: A Day of Romance
Lupercalia survived the initial rise of Christianity and but was outlawed—as it was deemed “un-Christian”--at the end of the 5th century, when Pope Gelasius declared February 14 St. Valentine's Day. Lupercalia รอด"Un- Gelasius  It was not until much later, however, that the day became definitively associated with love. During the Middle Ages, it was commonly believed in France and England that February 14 was the beginning of birds' mating season, which added to the idea that the middle of Valentine's Day should be a day for romance. 

Valentine greetings were popular as far back as the Middle Ages, though written Valentine's didn't begin to appear until after The oldest known valentine still in existence today was a poem written in 1415 by Charles, Duke of Orleans, to his wife while he was imprisoned in the Tower of London following his capture at the Battle of Agincourt.  Agincourt (The greeting is now part of the manuscript collection of the British Library in London, England.) Several years later, it is believed that King Henry V hired a writer named John Lydgate to compose a valentine note to Catherine of Valois. Typical Valentine's Day Greetings โดยทั่วไป Valentine 's Day In addition to the United States , Valentine's Day is celebrated in Canada, Mexico , the United Kingdom, France and Australia.  In Great Britain, Valentine's Day began to be popularly celebrated around the 17th century. By the middle of the 18th, it was common for friends and lovers of all social classes to exchange small tokens of affection or handwritten notes, and by 1900 printed cards began to replace written letters due to improvements in printing technology. Ready-made cards were an easy way for people to express their emotions in a time when direct expression of one's feelings was discouraged. Cheaper postage rates also contributed to an increase in the popularity of sending Valentine's Day greetings. Americans probably began exchanging hand-made valentines in the early 1700s.  In the 1840s, Esther A. Howland began selling the first mass-produced valentines in America.  Howland, known as the “Mother of the Valentine,” made elaborate creations with real lace, ribbons and colorful pictures known as "scrap."  Today, according to the Greeting Card Association, an estimated 1 billion Valentine's Day cards are sent each year, making Valentine's Day the second largest card-sending holiday of the year.  (An estimated 2.6 billion cards are sent for Christmas .) Women purchase approximately 85 percent of all valentines.